Wednesday, April 30, 2008

More ethanol dominoes

More ethanol dominoes*

From Cecilia's Blog at PhD Comics:

Wow, Costco and Sam's Club are limiting how much rice their customers
can buy. That and the price increases for other grains sound like
signs of the apocalypse to me. Damn you, biofuels!

I must admit that I'm part of the group of rice consumers who are
picky about the kind of rice they will buy. White jasmine rice is my
favorite (I'm not very particular about the brand as long as it tastes
good), but lately I've changed my rice consumption to be half brown
rice, half white jasmine rice, because brown rice is supposed to be
better for me.

Oh, and instant rice is horrible! No amount of convenience is worth
the taste trade-off of instant rice.

Monday, April 28, 2008

มิตรผลปรับโครงสร้างใหญ่ รับธุรกิจพลังงานทดแทนบูม-เท1.2หมื่นล. ขยายที่ปลูกอ้อย

มิตรผลปรับโครงสร้างใหญ่ รับธุรกิจพลังงานทดแทนบูม-เท1.2หมื่นล. ขยายที่ปลูกอ้อย

โดย ผู้จัดการออนไลน์            10 เมษายน 2551 07:50 น.

       มิตร ผล ลุยปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ รองรับการขยายตัวธุรกิจพลังงาน ไฟฟ้าชีวมวล เอทานอล หลังสบช่องเทรนด์ทั่วโลกเริ่มใช้พลังงานทดแทน และหวังโกยราคาน้ำตาลทรายขาวโลกพุ่ง 450 เหรียญต่อตัน ทุ่มเม็ดเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เร่งขยายพื้นที่ปลูกอ้อยในอาเซียน จ่อคิวผุดโรงงานเอทานอลแห่งที่ 3 ในไทย สิ้นปีกวาดรายได้ 30,000 ล้านบาท

      

       นายกฤษฏา มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า บริษัทได้การปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจน้ำตาลและพลังงาน ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจน้ำตาล ,ไฟฟ้าชีวมวล ,เอทานอล ,ปาร์ติเกิล บอร์ด , ต่างประเทศ (จีน, อาเชียน),และธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสตกส์ แต่ละสายงานมีกรรมการผู้จัดการรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานผลักดันเป็นผู้ผลิตน้ำตาลชั้นนำในอาเซียน และเอเชียต่อไป จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตน้ำตาลในไทยและจีนรวมอยู่ที่ 2.5 ล้านตันหรือ 5% ของกำลังการผลิตน้ำตาลเอเชีย 63 ล้านตัน

      

       สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเน้นการขยายพื้นที่ปลูกอ้อยในกลุ่มอาเซียน เช่น ลาว ,กัมพูชา เวียดนาม และจีนมากขึ้น เพราะพื้นที่ในการปลูกอ้อยของประเทศไทยเหลือน้อย ประกอบกับที่ดินของประเทศดังกล่าวค่อนข้างมีศักยภาพ อีกทั้งยังถือเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมให้เอกชนลงทุนในกลุ่ม แม่น้ำโขง บริษัทจึงมีแผนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจ ด้วยการเข้าไปปลูกอ้อยในประเทศดังกล่าว

      

       ทั้งนี้ปัจจัยที่บริษัทให้ความสำคัญกับการขยายพื้นที่เพาะปลูกใน กลุ่มประเทศอาเซียน เพราะราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่ 450 เหรียญต่อตัน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตามน้ำมัน คงไม่ปรับลดลงอีก นอกจากนี้อ้อยยังนำไปผลิตพลังงานทดแทนเอทานอลมากขึ้น ภายใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจกลุ่มพลังงานจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายหลังจากสร้างโรงงานเอทานอลในประเทศ แห่งที่ 3 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 64 ล้านลิตรต่อปี ภายใต้งบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท

      

       นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวในพื้นที่สหวันเขตจำนวน 120,000 ไร่ อายุสัญญาสัมปทาน 40 ปี คาดว่าจะเริ่มทำการเพาะปลูกได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่กัมพูชาบริษัทได้สัมปทานที่ดินจำนวน 200,000 ไร่ เริ่มปลูกอ้อยไปบ้างแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนในเวียดนามปีนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่ม เนื่องจากบริษัทมีพื้นที่ปลูกอ้อยอยู่แล้วหลังทำการเพาะปลูกมากว่า 10 ปี จึงทำให้แผนการดำเนินงานนับจากนี้จะเน้นการทำธุรกิจ เพื่อสร้างผลกำไรเท่านั้น

      

       ด้านแผนขยายธุรกิจในจีน กำลังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจเอทานอล เพื่อรับนโยบายบังคับใช้เอทานอล สำหรับรถยนต์ รวมทั้งสร้างโรงงานผลิตน้ำตาล อีกแห่งเป็นโรงที่ 6 กำลังการผลิต 6 ,000 พันตันอ้อยต่อวันในปี 2552 คาดว่าจะใช้เงินในการขยายธุรกิจในอาเซียน จีน และไทยในปี 2552 ราว 8,000 ล้านบาท เพื่อผลักดันรายได้กลุ่มมิตรผลให้มียอดขายเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาทในปี 2553 ในขณะที่สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 30,000 ล้านบาท เติบโตที่ 10% แบ่งเป็นรายได้จากน้ำตาล 87% พลังงาน 6% และปาร์ติเกิ้ลบอร์ด 7%

      

       สำหรับปีนี้กลุ่มมิตรผลจะมีอ้อยเข้าหีบโรงงานในไทย 13.3 ล้านตัน หรือมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 1.4 ล้านตันหรือคิดเป็น 20% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ นับว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา เนื่องจากผลผลิตอ้อยทั้งประเทศได้เพิ่มจาก 64 ล้านตันในปีที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 75 ล้านตันในปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศดีจึงขยายพื้นที่เพาะปลูกได้มากขึ้น

การปลูกมันคอนโดฯ 8 ตันต่อไร่

รายงาานพิเศษถึงแล้ว...ยุคทองของมันสำปะหลัง

 

กิฎากรส์ ki_dakon@thaimail.com

 

คนชัยภูมิ ปลูก "มันคอนโดฯ" เทคนิคง่ายๆ เพิ่มผลผลิตมัน

 

สถานการณ์ การผลิตมันสำปะหลังในการเพาะปลูก ปี 2549/2550 นับรวมพื้นที่โดยประมาณได้ 7.2 ล้านไร่ ผลผลิตรวม 26.41 ล้านตัน ซึ่งนับได้ว่าประเทศไทยสามารถผลิตมันสำปะหลังได้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศไนจีเรีย และบราซิล

 

แต่เมื่อเฉลี่ยค่าผลผลิตต่อ จำนวนไร่ที่มีอยู่นี้ เท่ากับว่าเกษตรกรมีผลผลิตต่อไร่เพียง 3 ตันเศษเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่หนีห่างคู่แข่งในเอเชียอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามที่ สามารถปลูกมันสำปะหลังได้ดีไม่แพ้ไทยเลย

 

คุณทองสุข ศรีษะโคตร เกษตรกรวัย 52 ปี จากจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้ปลูกมันสำปะหลังรายหนึ่งที่ยอมรับว่า ตั้งแต่ปลูกมันสำปะหลังมาตลอดหลายสิบปี ตนและเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่เคยปลูกมันสำปะหลังได้ผลผลิตมากกว่า 4 ตัน ต่อไร่ เลย

 

"ผมปลูกมันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เรียกได้ว่าผมปลูกมันมาตั้งแต่เกิดเลย เมื่อก่อนปลูกแบบซื้อปุ๋ยเคมีมาใส่ แต่เดี๋ยวนี้ค่าปุ๋ยเคมีกระสอบละพันกว่าบาท พอปุ๋ยแพงผมกับชาวบ้านก็ไม่ใส่เลย ปรากฏว่าผลผลิตมันก็พอกัน เลยปลูกแบบปล่อยไปอย่างนั้น หัวมันขึ้นได้แค่ไหนก็แค่นั้น เมื่อก่อน 2 ตัน 3 ตันอย่างไรตั้งแต่เกิด ไม่ใช้ปุ๋ยก็เหมือนกัน ไม่ได้มีผลอะไรเลย ผลผลิตได้อยู่แค่นี้ตั้งแต่ขายได้กิโลกรัมละ 50 สตางค์" คุณทองสุข เล่า

 

ระยะ หลังคุณทองสุขจึงแบ่งพื้นที่ 15 ไร่ ปลูกพืชผลชนิดอื่นบ้าง เพื่อสร้างรายได้หลากหลาย ทั้งปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ปลูกผัก และแบ่งขุดสระน้ำไว้ใช้ แต่ก็ยังเน้นปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ 10 ไร่อยู่เช่นเดิม เพราะมีความคิดว่ามันสำปะหลังเป็นพืชที่ไม่ต้องดูแลมาก ทนแล้งกว่าพืชอื่นอีกหลายชนิด และตนก็คุ้นเคยกับมันจนยากจะถอนตัว ประกอบกับราคามันสำปะหลังก็เริ่มมีการปรับราคาสูงขึ้น

 

จนเมื่อปี 2550 คุณทองสุข ได้พบกับเทคนิคการเพิ่มผลผลิตใหม่ หลังจากเข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนเกษตรกรเข้าเรียนรู้กับ ส.ป.ก.จังหวัดชัยภูมิ ตามโครงการเพิ่มศักยภาพมันสำปะหลังในเขตปฏิรูปที่ดิน ทำให้คุณทองสุขได้รู้ว่าสามารถเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังของตนเองได้ โดย "วิธีการสับตา" หรือที่เรียกว่า "การปลูกมันแบบคอนโดฯ"

 

"ปกติผมปลูก แบบใช้ท่อนพันธุ์ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ปลูกแบบเว้นห่างแต่ละต้นคืบสองคืบเหมือนกับที่ชาวบ้านปลูกกันทั่วไป ไร่หนึ่งก็ตกประมาณ 2,000-3,000 ต้น ผลผลิตรวมส่วนใหญ่ได้ประมาณ 3 ตัน แต่ปลูกแบบคอนโดฯ นี้ไม่เหมือนกัน ผมใช้ท่อนพันธุ์ยาวกว่าแล้วสับตาออก ปลูกห่างมากกว่า ไร่หนึ่งปลูกได้แค่ 1,600 ต้น แต่ปรากฏว่ามันอายุ 8 เดือน ที่ผมขุดมา ต้นเดียวหนักถึง 8 กิโลกรัม" คุณทองสุข เล่า

 

ขณะที่ผู้ เขียนได้พบปะพูดคุยกับคุณทองสุขนั้น เป็นช่วงเวลาที่คุณทองสุขยังไม่ได้ขุดผลผลิตออกจำหน่าย แต่เมื่อทดลองขุดดูผลงานเป็นที่น่าพอใจเช่นนี้ คุณทองสุขจึงคาดการณ์ว่าจะได้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 8 ตัน ต่อไร่ อย่างแน่นอน ซึ่งเท่ากับได้ผลผลิตมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

ขั้นตอนการปลูกมันคอนโดฯ

 

การ ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ 10 ไร่ ของคุณทองสุข เขาเลือกใช้พันธุ์เกษตรศาสตร์ และพันธุ์ห้วยบง 60 ปลูกสลับแปลงกัน แต่ในการปลูกมันคอนโดฯ รุ่นแรกนี้ คุณทองสุขเลือกทดลองปลูกโดยใช้พันธุ์เกษตรศาสตร์เป็นหลัก นำร่องปลูกก่อนในพื้นที่ 2 ไร่ โดยเริ่มต้นที่การเตรียมดินเป็นขั้นแรก

 

การ เตรียมดิน ไถเตรียมดินก่อน 2 ครั้ง โดยไถเป็นร่องลึกประมาณ 1 ฟุต หรือ 30 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพรองพื้นแล้วไถกลบ โดยใช้ปุ๋ยหมักที่เขาหมักเอง จำนวน 1 ตัน ต่อไร่ จากนั้นคุณทองสุขก็เว้นระยะเพื่อลงหลุมปลูกท่อนพันธุ์ ห่าง 1x1 เมตร แล้วใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพรองก้นหลุมอีกครั้ง หลุมละ 7 ขีด

 

คุณทองสุข บอกว่า ปุ๋ยหมักใช้ได้ดีกับการปรับปรุงดินในแปลงปลูกมันสำปะหลัง เพราะเท่าที่ปลูกแบบเดิมด้วยวิธีนี้มาหลายปีพบว่า เมื่อเน้นใช้ปุ๋ยหมักในการเตรียมดินและรองก้นหลุมมาหลายปี เมื่อใช้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยในระหว่างดูแลต้นอีก ยกเว้นบางครั้งที่เกิดกรณีที่ว่าเห็นใบอ่อนเริ่มเหลืองหรือแดง คุณทองสุขจึงจะใช้น้ำหมักชีวภาพฉีดเสริมเพื่อบำรุงต้น

 

การเตรียมท่อน พันธุ์ คุณทองสุขไม่ได้หาซื้อท่อนพันธุ์จากไหน แต่เขาคัดเลือกต้นมันสำปะหลังที่สมบูรณ์มาใช้เป็นท่อนพันธุ์เอง โดยตัดท่อนพันธุ์ให้มีความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร นำมามัดเรียงเป็นแผงยาว 20 ลำ พาดราวไว้เพื่อให้อากาศผ่านถ่ายเท ป้องกันต้นตาย และรดน้ำสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยรักษาต้นพันธุ์ให้เขียวสดอยู่เสมอ

 

การสับ ตา คุณทองสุข บอกว่า การสับตาเป็นการเพิ่มจำนวนราก ช่วยเปิดทางให้เกิดหัวมันจำนวนมากขึ้น โดยใช้มีดคมสับตาออก ประมาณ 5-9 ตา ตามความเหมาะสม หัวมันจะออกตาละหัว แต่หากท่อนพันธุ์นั้นมีตาห่างกันมาก ก็ควรสับตาออกแค่ 5 ตา ก็เพียงพอ เพื่อไม่ให้หัวมันลงลึกจากหลุมปลูกมากเกินไป

 

คุณทองสุข แนะนำว่า หากเกษตรกรมีเวลาและต้องการบำรุงท่อนพันธุ์เพื่อให้ผลผลิตดีขึ้น ก็สามารถนำท่อนพันธุ์แช่น้ำหมักชีวภาพประมาณ 1 คืน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนนี้ แต่ที่สำคัญก็คือ การสับตา ควรทำเมื่อแปลงปลูกพร้อม เมื่อสับตาแล้วควรลงปลูกทันที ไม่ควรทิ้งไว้ให้ตาท่อนพันธุ์แห้ง

 

การ ปลูก เมื่อท่อนพันธุ์ที่ผ่านการสับตาพร้อมแล้ว ก็นำท่อนพันธุ์มาเสียบลงหลุมที่กลบปุ๋ยหมักไว้เรียบร้อยแล้ว โดยสังเกตให้ตาบนสุดลึกลงจากปากหลุมไม่เกิน 3 นิ้ว คุณทองสุขบอกว่าไม่ควรปักลึกจนปลายท่อนพันธุ์ชิดก้นหลุม เพราะหากหลายท่อนพันธุ์ถึงก้นหลุมซึ่งจะเป็นดินแข็งทำให้ท่อนพันธุ์ไม่ออก หัว

 

การดูแล เมื่อปักท่อนพันธุ์เสร็จแล้ว ถ้าฝนไม่ตกหรือลงปลูกในช่วงแล้ง ควรรดน้ำในวันรุ่งขึ้นและควรรดน้ำสัปดาห์ละครั้ง เนื่องจากในช่วงที่มันสำปะหลังสร้างรากสร้างหัวก็คือในระยะ 4 เดือนแรกนี้ หลังจากนั้น จะปล่อยให้เทวดาเลี้ยงก็ได้ แต่คุณทองสุขแนะนำว่า อย่างไรก็ควรให้น้ำสัปดาห์ละครั้ง

 

ในกรณีที่ต้นเกิดใบออกมาไม่สวย ออกสีแดงหรือเหลืองผิดปกติ คุณทองสุขแก้ปัญหาโดยฉีดพ่นปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ 5-7 วัน ต่อครั้ง ฉีดในช่วงเช้าหรือเย็น และฉีดติดต่อกันนาน 3 ครั้ง โดยปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพดังกล่าวเขาหมักเองจากผลไม้สุก ได้แก่ กล้วยสุก มะละกอสุก ฟักทองแก่ กากน้ำตาล และเชื้อ พด.2 หมักไว้ประมาณ 1 เดือน จึงนำมาใช้

 

ข้อดี คุณทองสุขเผยถึงข้อดีของการปลูกมันแบบคอนโดฯ ว่า นอกจากสามารถเพิ่มผลผลิตได้เป็นเท่าตัวแล้ว สังเกตดูแปลงปลูกไม่ค่อยมีหญ้าขึ้นมากมาย ซึ่งอาจเกิดจากหัวมันอยู่ตื้นขึ้นและใช้ธาตุอาหารจากผิวดินด้วย อีกทั้งเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ก่อนนำส่งพ่อค้าหรือโรงงานเกษตรกรต้องสับเหง้าออกแล้วส่งไปแต่หัวมัน ซึ่งการปลูกแบบเดิมมันจะออกหัวที่ปลายท่อนพันธุ์อย่างหนาแน่น เวลาสับเหง้าออกมักจะกินเนื้อมันมาก แต่สำหรับการปลูกมันแบบคอนโดฯ หัวมันที่เกิดจากการสับตาจะออกหัวแบบเดี่ยว ทำให้ง่ายต่อการตัดหัวมันส่งพ่อค้า และได้หัวมันที่เรียวยาวชัดเจน ไม่ได้สร้างความยุ่งยากในการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มแต่อย่างใด

 

ปัจจุบัน คุณทองสุข คือแกนนำกลุ่มเกษตรกรบ้านคลองไทร ตำบลนายางกลัก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ และเป็นแกนนำศูนย์ศักยภาพมันสำปะหลังในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยภูมิ แต่คุณทองสุขบอกว่า ตอนนี้มีคุณทองสุขเพียงรายเดียวที่ปลูกด้วยเทคนิคการปลูกมันแบบคอนโดฯ เพราะเกษตรกรในกลุ่มมีหลายรายที่สนใจ แต่ก็ยังไม่มีใครลงมือทำเช่นตน และคาดว่าหากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ชาวบ้านก็จะเห็นว่าสามารถเพิ่มผลผลิตได้จริงแล้วพวกเขาก็จะหันมาปลูกด้วย วิธีนี้มากขึ้น (หากต้องการสอบถามรายละเอียด ติดต่อ คุณทองสุข ได้ที่ (087) 808-9436)

 

ส่วนคุณทองสุขเองก็มีแผนเช่าพื้นที่เพื่อปลูกมัน สำปะหลังเพิ่ม และจะปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกด้วยวิธีนี้ให้มากที่สุด แต่ก็คงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามแรงกำลังที่มี

 

"หลังขุดขายแล้ว ผมคิดว่าจะขยายเพิ่ม ไปปลูกในพื้นที่เช่าด้วย แต่ก็คงทำเองเหมือนเดิมกับครอบครัว ไม่มีต้นทุนค่าแรงงานมาก มีแต่ค่าจ้างไถ เพราะผมไม่มีรถไถเอง แต่ไม่จ้างใครปลูก คิดว่าทำกันเองดีกว่า กลัวเขาสับตาไม่ดี ปลูกไม่ดี เลยลงแรงปลูกเองทั้งหมด ปลูกไปวันละงาน ได้สัปดาห์ละงานสองงานก็ยังดี ผลออกมาได้แค่ไหนก็เป็นของเรา" คุณทองสุข กล่าวทิ้งท้าย

 

ส่วนการ จำหน่ายมันสำปะหลังของเกษตรกรรายนี้ ส่งให้กับพ่อค้าท้องถิ่นเป็นหลัก โดยราคาที่พ่อค้ารับซื้อล่าสุดที่คุณทองสุขได้รับอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.55 บาท (สัมภาษณ์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 ) ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการปรับราคาสูงขึ้นอีก แต่คุณทองสุขบอกไว้ว่าตนยังไม่อยากคิดมากเรื่องราคา เพราะยังไม่แน่นอนว่าจะปรับขึ้นหรือลดลงเมื่อไหร่ อย่างไร หากได้ราคาที่กิโลกรัมละ 1.50-2.00 บาท ตนก็อยู่ได้ เพราะต้นทุนไม่มาก แต่ตอนนี้ตนสนใจเรื่องการเพิ่มผลผลิตมากกว่า

 

...เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องอิงกับกระแสตลาดแต่อย่างใด

 

 

 

องค์ความรู้มันสำปะหลัง

 

การ เพิ่มผลผลิตต่อไร่ และลดต้นทุนการผลิต สามารถจัดการด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลัง การกระจายพันธุ์มันสำปะหลังดีสู่เกษตรกรอย่างทั่วถึง รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพของดิน เทคโนโลยีการปลูกและการเก็บเกี่ยว การสร้างระบบการจัดการเพื่อคุณภาพ และระบบการตลาด ที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตในรูปแบบต่างๆ อย่างเพียงพอ

 

องค์ ความรู้มันสำปะหลังจาก ส.ป.ก. เผยถึงเทคนิคเบื้องต้นในการปลูกมันสำปะหลังสำหรับเกษตรกรว่า ควรคำนึงถึง พันธุ์ เป็นหลัก ควรใช้พันธุ์ดีที่มีการรับรองพันธุ์ เช่น พันธุ์ห้วยบง 60 เกษตรศาสตร์ 50 ระยอง 60 ระยอง 72 และพันธุ์ที่เหมาะแก่การผลิตเอทานอล เช่น ระยอง 7 ระยอง 9

 

ส่วนกระบวนการผลิตนั้นที่เหมาะสมควรปลูกใน ช่วงต้นฝน ปลายฝน ปลูกในพื้นที่ลุ่ม หากเป็นพื้นที่ลาดเอียง ควรยกร่องขวางแนวลาดเอียง แต่หากเป็นพื้นที่ราบ ดอน ไม่ต้องยกร่อง

 

ส่วน การเตรียมท่อนพันธุ์ ควรใช้ท่อนพันธุ์ใหม่และสด ตัดไว้ไม่เกิน 15-30 วัน จากต้นที่มีอายุ 8-12 เดือน ในการปลูก การปักท่อนพันธุ์ตั้งหรือเอียง ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร ระวังและป้องกันกำจัดศัตรูมันสำปะหลังอย่างใส่ใจ

 

ใน การเก็บเกี่ยว ควรเก็บในช่วงอายุตั้งแต่ 8-12 เดือน โดยใช้มีดตัดเหนือพื้นดิน ประมาณ 30 เซนติเมตร ถอนโดยใช้จอบหรือเครื่องมือขุด ตัดแยกหัวออกจากเหง้า

 

ที่สำคัญ...ควรนำผลผลิตหัวมันสดส่งโรงงานทันที ไม่ควรเก็บไปไว้เกิน 2 วัน

Saturday, April 26, 2008

super yeast : new production technology of bioethanol that is safer and more environment friendly

super yeast : new production technology of bioethanol that is safer
and more environment friendly

The General Research Institute has make a new production technology of
bioethanol that is safer and more environment friendly.The researchers
from Japan have create a "super yeast" which is sake yeast genetically
modified with koji mold genes. Instead of using chemical agents, the
new method pretreats plants for fermentation with water at subcritical
region or high-temperature and high-pressure water.
In a subcritical region,water becomes acidic but as temperature and
pressure declines, water retains its neutral state.Researchers
confirmed in the experiment that chaff and paddy straw can be used to
produce ethanol.

Thursday, April 24, 2008

super yeast : new production technology of bioethanol that is safer and more environment friendly

super yeast : new production technology of bioethanol that is safer
and more environment friendly

The General Research Institute has make a new production technology of
bioethanol that is safer and more environment friendly.The researchers
from Japan have create a "super yeast" which is sake yeast genetically
modified with koji mold genes. Instead of using chemical agents, the
new method pretreats plants for fermentation with water at subcritical
region or high-temperature and high-pressure water.
In a subcritical region,water becomes acidic but as temperature and
pressure declines, water retains its neutral state.Researchers
confirmed in the experiment that chaff and paddy straw can be used to
produce ethanol.

Produce Biodiesel In Six Seconds with Mcgyan Process

Produce Biodiesel In Six Seconds with Mcgyan Process

puts alcohol and a variety of waste oils through a high-temperature,
high pressure reactor. Inside, the oils from things like coconuts
,soybeans, even algae react with a catalyst, creating 100-percent
renewable biodiesel fuel.

This process it's really fast clean and efficient,can produce
biodiesel in under six seconds.The Mcgyan process is being used to
heat the building and run the company's trucks.
The experiment who start in Brian's lab has transformed into miracle
when he collaborate with scientist and Augsburg professors.I wish to
this young chimist and to his team ,good luck!

Tuesday, April 15, 2008

Russian government will back the construction of 30 new ethanol plants to produce biofuels from timber waste

Russian government will back the construction of 30 new ethanol plants
to produce biofuels from timber waste, Prime Minister Viktor Zubkov
has announced.
A government programme to develop biofuel production will begin this
year. Apart from the construction of new ethanol plants, the programme
will also upgrade existing facilities.
Russia will eventually produce 2 million tonnes of ethanol a year if
the programme is successful. Some of the plants are likely to produce
ethanol from timber waste, such as sawdust, Alexei Ablayev, director
of the National Biofuel Association, says. The Russian plants could
also make ethanol from such crops as wheat.
Researchers are close to developing a technology to make fuel out of
timber waste that will be as efficient as the current conversion of
crops into fuel.
Approximately 30 Russian plants which made ethanol from non-crop raw
materials became bankrupt with the collapse of the Soviet Union due to
the plants' technology making the fuel too expensive.
Plans to divert some of the country's crop harvests to make fuel
should not send bread prices soaring because there is room to grow
larger harvests, Ablayev says. In October Agriculture Minister Alexei
Gordeyev stated that Russia has 20 million hectares of unused arable
lands.
If ethanol production does take off in Russia, it will target the
export market to begin with, Ablayev says. The government charges an
excise duty of at least 26 rubles (?0.71) to sell 1 litre of ethanol.

about 43 percent of current U.S. cropland devoted to growing corn would be needed for supplying ethanol refineries.

The Nature Conservancy report suggests that by replacing forests and
grasslands, we'd likely see an increase, not a decrease, in carbon
dioxide production for 93 years. The Princeton study says it's more
like 167 years

about 43 percent of current U.S. cropland devoted to growing corn
would be needed for supplying ethanol refineries.