Monday, April 28, 2008

มิตรผลปรับโครงสร้างใหญ่ รับธุรกิจพลังงานทดแทนบูม-เท1.2หมื่นล. ขยายที่ปลูกอ้อย

มิตรผลปรับโครงสร้างใหญ่ รับธุรกิจพลังงานทดแทนบูม-เท1.2หมื่นล. ขยายที่ปลูกอ้อย

โดย ผู้จัดการออนไลน์            10 เมษายน 2551 07:50 น.

       มิตร ผล ลุยปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ รองรับการขยายตัวธุรกิจพลังงาน ไฟฟ้าชีวมวล เอทานอล หลังสบช่องเทรนด์ทั่วโลกเริ่มใช้พลังงานทดแทน และหวังโกยราคาน้ำตาลทรายขาวโลกพุ่ง 450 เหรียญต่อตัน ทุ่มเม็ดเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เร่งขยายพื้นที่ปลูกอ้อยในอาเซียน จ่อคิวผุดโรงงานเอทานอลแห่งที่ 3 ในไทย สิ้นปีกวาดรายได้ 30,000 ล้านบาท

      

       นายกฤษฏา มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า บริษัทได้การปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจน้ำตาลและพลังงาน ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจน้ำตาล ,ไฟฟ้าชีวมวล ,เอทานอล ,ปาร์ติเกิล บอร์ด , ต่างประเทศ (จีน, อาเชียน),และธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสตกส์ แต่ละสายงานมีกรรมการผู้จัดการรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานผลักดันเป็นผู้ผลิตน้ำตาลชั้นนำในอาเซียน และเอเชียต่อไป จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตน้ำตาลในไทยและจีนรวมอยู่ที่ 2.5 ล้านตันหรือ 5% ของกำลังการผลิตน้ำตาลเอเชีย 63 ล้านตัน

      

       สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเน้นการขยายพื้นที่ปลูกอ้อยในกลุ่มอาเซียน เช่น ลาว ,กัมพูชา เวียดนาม และจีนมากขึ้น เพราะพื้นที่ในการปลูกอ้อยของประเทศไทยเหลือน้อย ประกอบกับที่ดินของประเทศดังกล่าวค่อนข้างมีศักยภาพ อีกทั้งยังถือเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมให้เอกชนลงทุนในกลุ่ม แม่น้ำโขง บริษัทจึงมีแผนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจ ด้วยการเข้าไปปลูกอ้อยในประเทศดังกล่าว

      

       ทั้งนี้ปัจจัยที่บริษัทให้ความสำคัญกับการขยายพื้นที่เพาะปลูกใน กลุ่มประเทศอาเซียน เพราะราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่ 450 เหรียญต่อตัน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตามน้ำมัน คงไม่ปรับลดลงอีก นอกจากนี้อ้อยยังนำไปผลิตพลังงานทดแทนเอทานอลมากขึ้น ภายใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจกลุ่มพลังงานจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายหลังจากสร้างโรงงานเอทานอลในประเทศ แห่งที่ 3 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 64 ล้านลิตรต่อปี ภายใต้งบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท

      

       นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวในพื้นที่สหวันเขตจำนวน 120,000 ไร่ อายุสัญญาสัมปทาน 40 ปี คาดว่าจะเริ่มทำการเพาะปลูกได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่กัมพูชาบริษัทได้สัมปทานที่ดินจำนวน 200,000 ไร่ เริ่มปลูกอ้อยไปบ้างแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนในเวียดนามปีนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่ม เนื่องจากบริษัทมีพื้นที่ปลูกอ้อยอยู่แล้วหลังทำการเพาะปลูกมากว่า 10 ปี จึงทำให้แผนการดำเนินงานนับจากนี้จะเน้นการทำธุรกิจ เพื่อสร้างผลกำไรเท่านั้น

      

       ด้านแผนขยายธุรกิจในจีน กำลังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจเอทานอล เพื่อรับนโยบายบังคับใช้เอทานอล สำหรับรถยนต์ รวมทั้งสร้างโรงงานผลิตน้ำตาล อีกแห่งเป็นโรงที่ 6 กำลังการผลิต 6 ,000 พันตันอ้อยต่อวันในปี 2552 คาดว่าจะใช้เงินในการขยายธุรกิจในอาเซียน จีน และไทยในปี 2552 ราว 8,000 ล้านบาท เพื่อผลักดันรายได้กลุ่มมิตรผลให้มียอดขายเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาทในปี 2553 ในขณะที่สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 30,000 ล้านบาท เติบโตที่ 10% แบ่งเป็นรายได้จากน้ำตาล 87% พลังงาน 6% และปาร์ติเกิ้ลบอร์ด 7%

      

       สำหรับปีนี้กลุ่มมิตรผลจะมีอ้อยเข้าหีบโรงงานในไทย 13.3 ล้านตัน หรือมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 1.4 ล้านตันหรือคิดเป็น 20% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ นับว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา เนื่องจากผลผลิตอ้อยทั้งประเทศได้เพิ่มจาก 64 ล้านตันในปีที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 75 ล้านตันในปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศดีจึงขยายพื้นที่เพาะปลูกได้มากขึ้น

No comments: