Monday, May 26, 2008

'ครม.เศรษฐกิจ' เล็งใช้ภาษีจูงใจติด 'เอ็นจีวี' นำร่องขาย 'อี 85' ในปั๊ม 50 แห่ง NGV 12 B/Kg สิ้นปี Gasohol E85 ถูกกว่า 10 บาท

ครม.เศรษฐกิจ' เล็งใช้ภาษีจูงใจติด 'เอ็นจีวี' นำร่องขาย 'อี 85' ในปั๊ม 50 แห่ง
ครม.เศรษฐกิจเล็งออกมาตรการประหยัดพลังงาน เน้นส่งเสริมให้ใช้ 'เอ็นจีวี' โดยใช้ภาษีจูงใจ สมองใสเล็งเสนอมาตรการบังคับประหยัดพลังงาน 'เลิกใส่สูท-คาร์พูล-ปาร์คแอนด์ไรด์' วอนโรงกลั่นเครือปตท.นำกำไรการกลั่น ช่วยเบาภาระประชาชน

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม สำนักข่าว 'เอพี' รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีตในตลาดเอเชียช่วงบ่ายปรับขึ้น 77 เซนต์ อยู่ที่ 132.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากราคาปิดที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ 132.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ยังมีสาเหตุมาจากเรื่องเดิม คือ ความกังวลว่าปริมาณน้ำมันจะตึงตัว โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีนสั่งซื้อน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเพื่อไป ผลิตกระแสไฟฟ้าหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว รวมทั้งความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งเรื่องความมั่นใจของผู้บริโภค ยอดขายบ้าน โดยนักลงทุนประเมินว่าตัวเลขที่ออกมาน่าจะอ่อนแอ อันจะสร้างแรงกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนลงไปอีก

พล.ท. (หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจวันเดียวกันนี้ กระทรวงพลังงานจะรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน และมาตรการรับมือเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว ประกอบด้วยแผนการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) ระยะยาวที่ปรับใหม่ ซึ่งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะมีการลงทุนวางท่อเส้นใหม่ 3 เส้น มูลค่าลงทุน 34,850 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี (2552-2554) ประกอบด้วย 1.ภาคเหนือ วางจากอยุธยา-นครสวรรค์ ระยะทาง 172 กิโลเมตร (กม.) เงินลงทุน 8,600 ล้านบาท 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วางจากสระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 152 กม. เงินลงทุน 7,600 ล้านบาท และ 3.ภาคใต้ วางจากราชบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 373 กม. เงินลงทุน 18,650 ล้านบาท พร้อมกับจัดหาและให้บริการเอ็นจีวีให้สามารถรองรับรถยนต์ให้ได้ 123,370 คัน ภายในสิ้นปี 2551 โดยจะเสนอของบประมาณมาสนับสนุนส่วนนี้ด้วย เนื่องจากมีการลงทุนค่อนข้างมาก

พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ จะเสนอมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้มีการใช้เอ็นจีวี ประกอบด้วย ขยายเวลายกเว้นภาษีนำเข้าถังบรรจุก๊าซฯ และอุปกรณ์เอ็นจีวีให้เหลือ 0% ออกไปอีก 4 ปี หรือจนถึงปี 2555 และขยายเวลาปรับลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วน และอุปกรณ์ ซึ่งนำเข้ามาในลักษณะชิ้นส่วนสมบูรณ์ หรือซีเคดี (CKD) เพื่อประกอบและผลิตในประเทศ จาก 10% ให้เหลือ 0% ครอบคลุมรถบรรทุกและรถหัวลากด้วย รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สิน ประเภทเครื่องจักร อุปกรณ์วัสดุเอ็นจีวี โดยรวมค่าติดตั้งเป็นจำนวน 25% ของค่าใช้จ่าย และให้ขยายเวลาการยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์เอ็นจีออกไปอีก 3 ปี จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้

พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานยังจะเสนอมาตรการบังคับประหยัดพลังงาน โดยเริ่มจากหน่วยงานภาครัฐก่อน ทั้งการเลิกใส่สูท คาร์พูล จัดทำพาร์กแอนด์ไรด์ (Park & Ride) พร้อมจำกัดความเร็วรถไม่เกิน 90 กม.ต่อชั่วโมง เป็นต้น รวมถึงแผนรองรับการส่งเสริมการใช้น้ำมันอี 85 ซึ่งบริษัท ปตท.และบริษัทบางจาก จะนำร่องเปิดขายนำร่องในปั๊ม 30-50 แห่ง ภายใน 3-6 เดือนนี้ จากการหารือกับค่ายรถยนต์ทั้งยุโรปและญี่ปุ่นก็พร้อมนำเข้ารถยนต์เช่นกัน โดยเสนอให้มีการลดภาษีจูงใจให้คล้ายกับรถยนต์ อี 20

พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือระยะสั้นได้ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันในเครือ บริษัท ปตท.ทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย ไทยออยล์, ไออาร์พีซี, บางจาก และพีทีทีเออาร์ ช่วยลดผลกระทบราคาน้ำมันดีเซลแพง ซึ่งทั้ง 4 แห่งก็ยินดีช่วยนำกำไรจากการกลั่นน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 1 บาทต่อลิตรมาช่วย โดยจะสรุปรูปแบบของการช่วยเหลือภายในสัปดาห์นี้ว่า จะได้เงินเท่าใด และช่วยเหลือในลักษณะใด และจะขยายความร่วมมือกับโรงกลั่นของภาคเอกชนอีก 2 แห่งด้วย

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันทั้ง 4 โรงกลั่น มียอดขายดีเซลรวมกันอยู่ประมาณ 32 ล้านลิตรต่อวัน มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวจะเป็นระยะสั้น 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมัน (ประมาณ 960 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 5-6 พันล้านบาท หากใช้ 6 เดือน) โดยเงินที่ได้จะนำมาเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากราคาดีเซล และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ทั้งแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลต่อไป เนื่องจากขณะนี้สถานะของกองทุนน้ำมันแม้จะเป็นบวก แต่ก็ไม่มากนัก โดยมีรายรับเป็นบวก 10-20 ล้านบาทต่อวัน

ด้านนางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว เจ้าของกิจการชิดชัยทัวร์ กล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารร่วมร่วม บ.ข.ส. ว่า ได้ขอปรับขึ้น 9 สตางค์/กม. แต่กรมการขนส่งทางบกอนุมัติ 3 สตางค์/กม. ค่าธรรมเนียมก็ยังไม่พิจารณา ส่วนต่างที่เหลือผู้ประกอบการต้องรับภาระแทน ดังนั้น จะเรียกร้องให้ปรับอัตราค่าโดยสารขึ้นตามที่ขอไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการก็อยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะแบกรับภาระขาดทุนไม่ไหว ต้องหยุดวิ่งหรือลดเที่ยววิ่งลง

'ต้องเข้าใจว่าการเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารที่วิ่งสายยาว หรือเกิน 300 กิโลเมตร จะมีปัญหาตามมา โดยเฉพาะหาปั๊มเติมก๊าซแทบไม่ได้ แต่การขึ้น 9 สตางค์/กม. ประชาชนไม่ได้เดือดร้อนหรอก มีแต่เราซึ่งที่ผ่านมาขาดทุนตลอด ทำให้ไม่มีทุนต่อรถใหม่ ต้องทนใช้รถที่มีอยู่เดิม แต่เราก็รับรองความปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง เจ๊เกียวมีคติประจำใจว่าค้าขายอยู่ได้ แต่ต้องไม่เอากำไรมาก ที่สำคัญต้องอย่าขาดทุน แค่นี้ทุกฝ่ายก็จะอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี' นางสุจินดา กล่าว

ต่อมา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังประชุมครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการประหยัดพลังงาน โดยกระทรวงการคลังจะเข้าไปดูแลในเรื่องของอัตราภาษีสำหรับรถยนต์ที่จะใช้ อี 85 (เอธานอล 85%) โดยจะดูให้มีราคาเท่ากับหรือต่ำกว่า อี 20 โดยจะสรุปรายละเอียดเข้า ครม.ได้ในสัปดาห์หน้า และจะดูแลโครงสร้างภาษีรถยนต์ให้เป็นธรรมทั้งระบบ ทั้งอี 20 และอีโคคาร์

'คาด ว่าการขยายระยะเวลายกเว้นการจัดเก็บภาษีเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน ออกไปทั้งหมดในครั้งนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับการประหยัดการนำเข้าน้ำมัน ถือว่าคุ้มค่า โดยจะให้ อี 85 มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซินประมาณ 10 บาท/ลิตร คาดว่าเรื่องอี 85 จะเริ่มได้ภายใน 3-4 เดือนนับจากนี้'  นพ.สรุพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าว ถามว่า ถ้าทำตามมาตรการทั้งหมดจะทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวได้ 6% ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาครั้งนี้จะเข้าตรงถึงกลุ่มผู้ยากจน ไม่ให้ค่าครองชีพเร่งตัวมากเกินไป และมาตรการที่ออกมาน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น อัตราเงินเฟ้อไม่เร่งตัวมาก และหากยังไม่เป็นผลก็ต้องมีมาตรการอื่นๆ ออกมาเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจปีนี้โตให้ได้ 6% หรือทำให้เศรษฐกิจกับเงินเฟ้อโตในอัตราที่ใกล้เคียงสมดุลกันที่สุด

เมื่อ ถามว่า จะดูแลราคาเอ็นจีวี ให้อยู่ที่ 8.50 บาท/กก.จนถึงเมื่อไหร่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ราคาเอ็นจีวีในปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เนื่องจากคำนวณจากราคาน้ำมันในอดีตที่ยังสูงไมไถึง 100 เหรียญฯ/บาร์เรล  แต่เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินไป ก็จะยืนราคาดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากนั้นจะต้องมาดูราคาให้เหมาะสมอีกครั้ง โดยมองอยู่ที่ 12 บาท/กก.

No comments: