Wednesday, July 16, 2008
แป้งมันล้นสต๊อกราคาดิ่ง ชาวไร่วัดดวงตลาดมันเม็ด
โรง งานแป้งมันสำปะหลังเก็งสถานการณ์ผิด คาดราคาที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจะสูงขึ้นต่อไป แห่ผลิตเก็บ
สต๊อกหวังโกยกำไรจนสินค้าล้นโกดัง แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันผู้ซื้อชะลอซื้อ ส่งผลราคาอ่อนตัวลงทั้งแป้งมันและหัว
มันสด ชาวไร่วัดดวงปลายปีราคาขึ้นหรือลงขึ้นกับตลาดมันอัดเม็ดและมันเส้น
นายทศพล ตันติวงษ์ ประธานบริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ เปิดเผยกับ "ฐาน
เศรษฐกิจ" ถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังว่า ปกติแล้วช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ผลผลิตหัวมันสดออกสู่ตลาดน้อย
เพราะไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยวหลัก ดังนั้นโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังบางส่วนจึงหยุดโรงงานชั่วคราวเพื่อปรับ ปรุง
เครื่องจักร ส่วนที่ยังเดินเครื่องผลิตจะเดินประมาณ 50% เพราะฉะนั้นปริมาณแป้งมันสำปะหลังช่วงนี้จึงมีไม่มากและ
ราคาที่โรงงานขายได้ จะค่อนข้างสูง แต่ปรากฏว่าปีนี้กลับตรงกันข้ามเพราะแต่ละโรงงานมีสต๊อกแป้งมันสำปะหลังค่อน
ข้างมาก
"เหตุที่โรงงานมีสต๊อกแป้งมันมาก เนื่องจากปีที่ผ่านมาราคาดี สูงสุดถึงกก.ละ 12.75 บาท หรือหากส่งออกราคา
เอฟโอบี (ไม่รวมค่าขนส่ง) ตันละ 440 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากปกติโรงงานขายแป้งมันสำปะหลังได้สูงสุดกก.ละ 8.50 บาท ส่ง
ออกตันละประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกับมีการคาดการณ์กันว่าราคาแป้งมันจะสูงขึ้นต่อไปอีก เพราะวัตถุดิบหัวมัน
สดจะถูกนำไปใช้ผลิตเอทานอล จึงทำให้ช่วงต้นฤดูที่หัวมันสดออกมากโรงงานจึงแข่งกันซื้อหัวมันสดและผลิต เป็นแป้งมัน
เก็บสต๊อกไว้ ทำให้เวลานี้แต่ละโรงงานมีสต๊อกเหลืออยู่มาก จึงส่งผลให้ราคาอ่อนตัวลง จากกก.ละ 12.50 บาท เหลือ
ประมาณกก.ละ 11 บาท"นายทศพลกล่าวและว่า
อย่างไรก็ดีในส่วนของผู้ใช้ ซึ่งได้คาดการณ์เหมือนกันว่าราคาแป้งมันสำปะหลังจะสูงขึ้นอีก จึงซื้อเข้าไป
เก็บสต๊อกจำนวนหนึ่งแล้วและเวลานี้ยังมีเพียงพอสำหรับใช้ใน อุตสาหกรรมอยู่ จึงชะลอซื้อ ประกอบกับภาวะราคาอ่อนตัว
จึงไม่รีบซื้อ เพราะโดยธรรมชาติของผู้ซื้อเมื่อราคาสินค้าอ่อนตัวจะชะลอเวลาซื้อออกไป เรื่อยๆ จนกว่าราคาจะลงต่ำ
สุด
นายทศพล กล่าวว่าราคาแป้งมันสำปะหลังที่อ่อนตัวลง ได้ส่งผลให้ราคาหัวมันสดอ่อนตัวลงตามไปด้วย โดยราคาหัว
มันสดเชื้อแป้ง 30% จากกก.ละ2.50 บาท ลงเหลือกก.ละ 2.25 บาท แต่ชาวไร่ไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะราคาดังกล่าวยัง
ถือว่าสูงอยู่ ประกอบกับไม่ใช่ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวหลักผลผลิตที่ออกไม่มากจึงไม่เดือดร้อน กันมาก
ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ราคาหัวมันสดในฤดูเก็บเกี่ยวหลักปลายปีนี้ ต้องขึ้นอยู่กับตลาดมันเส้นมันเม็ดซึ่งมี
ตลาดหลักอยู่ที่ยุโรปและจีนว่า สถานการณ์เวลานั้นจะเป็นอย่างไร เพราะโรงแป้งคงมีกำลังซื้อกันไม่มาก เนื่องจาก
สต๊อกยังเหลืออยู่มาก หากมันเส้นและมันเม็ดตลาดมีความต้องการสูง เกษตรกรคงไม่เดือดร้อน แต่ถ้าหากตลาดมันเม็ดไม่สด
ใสราคาหัวมันสดมีสิทธิ์อ่อนตัวลง
ด้านนายเจน วงศ์บุญสิน นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวว่าในส่วนของการส่งออกมันสำปะหลังอัดเม็ดและ
มันเส้น ครึ่งปีหลังผู้ส่งออกยังไม่กล้ารับออร์เดอร์เพราะต้องรอดูผลผลิตฤดูใหม่ของ ไทยว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ผล
ผลิตข้าวโพดของสหรัฐฯจะเป็นอย่างไร และสถานการณ์ทั้งผลผลิตและราคาธัญพืชของจีน เพราะเวลานี้จีนยังควบคุมราคา
ทุกอย่างจนกว่างานมหกรรมโอลิมปิก 2008 แล้วเสร็จ ส่วนตลาดนำเข้าคาดว่าทางยุโรปคงจะซื้อน้อยลง เนื่องจากผลผลิต
ธัญพืชดี ตลาดนอกยุโรป เช่นเกาหลี ไต้หวัน มีความต้องการบ้างแต่ไม่มาก
"การวางแผนการค้ามันเส้นและมันเม็ด คาดว่าเดือนกันยายนถึงจะตอบได้ชัดเจนว่าจะส่งออกได้มากน้อยเพียงใดและ
ราคา เป็นอย่างไร" นายเจนกล่าว
รัฐให้อี85ถูกกว่าเบนซินลิตรละ20บ. + แต่จะเกิดหรือดับขึ้นกับก.คลังยอมลดอากรขาเข้ารถยนต์หรือไม่
กระทรวง พลังงาน ดันอี 85 สุดลิ่ม ให้ส่วนต่างราคาถูกกว่าเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 20 บาท หลังกระทรวงการคลัง
ยอมลดภาษีสรรพสามิตลงอีกลิตรละ 2 บาท "พรชัย"เผย เตรียมนัดหารือกับค่ายรถยนต์ พร้อมนำเข้ารถยนต์อี 85 ไม่เกิน 3
เดือน ยันมีปั๊มรองรับแน่ แต่หากกระทรวงการคลัง ยังยืนกรานไม่ลดอากรขาเข้ารถยนต์ อย่าหวังอี 85 ได้เกิดทันในปีนี้
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 85 เปิด
เผยว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการอยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดทั้งหมด เพื่อรายงานต่อพล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการเชื้อเพลิงชีวภาพ รับทราบ หลังจากที่กระทรวงการคลังได้เสนอ
ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบลดภาษีสรรพ สามิตน้ำมันอี 85 ลงจาก 2.57 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ 0.55 บาทต่อลิตร
ประกอบกับการออกสเปกน้ำมันอี 85 ได้มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
นอกจากนี้ ทางบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)(บมจ.) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)(บมจ.) มีความพร้อม
ที่จะเปิดสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันอี 85 ภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้ ซึ่งจะเหลือเพียงการนัดหารือกับค่ายรถยนต์ว่าจะ
มีความพร้อมในการนำเข้ารถ ยนต์อี 85 ได้เมื่อใด และในปริมาณเท่าใด เพื่อทราบถึงปริมาณการใช้เอทานอลในช่วงแรก และ
เป็นข้อมูลที่จะวางเป้าหมายในการใช้เอทานอลต่อไป รวมถึงจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังว่าจะสามารถลดหย่อนอากรขา
เข้านำเข้ารถ ยนต์อี 85 ได้หรือไม่ ซึ่งหากดำเนินการตามนี้ได้ จะสามารถได้เห็นรถยนต์อี 85 เข้ามาวิ่งในประเทศไทย
ได้
แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการใช้อี 85 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางคณะกรรมการเห็นชอบที่จะให้ราคาน้ำมันอีก 85 มีส่วนต่างจากน้ำมันเบนซินออกเทน 95 อยู่ที่ลิตรละ 17 บาทต่อลิตร
แต่ทั้งนี้ เมื่อมีความชัดเจนของกระทรวงการคลังที่จะปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอี 85 จาก 2.57 บาทต่อลิตร มาอยู่
ที่ 0.55 บาทต่อลิตร ยิ่งจะส่งผลดีต่อโครงสร้างราคาน้ำมันอี 85 มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ราคาน้ำมันอีก 85 มีส่วนต่าง
จากน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 เพิ่มขึ้นอีกเป็น 19 บาทต่อลิตร ประกอบกับทางกระทรวงพลังงานจะนำเงินจากกองทุนน้ำมัน
เชื้อเพลิงมาชดเชยราคา น้ำมันอี 85 ให้อีกว่า 1 บาทต่อลิตร รวมทั้งหมดแล้วจะทำให้ราคาน้ำมันอี 85 มีส่วนต่างจาก
น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ได้กว่า 20 บาทต่อลิตร ซึ่งจะจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันอี 85 เพิ่มมากขึ้น
ส่วนจะมีรถยนต์อี 85 นำเข้ามาเมื่อใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับทางกระทรวงการคลังจะมีการพิจารณาลดหย่อนอากรนำ
เข้ารถยนต์อี 85 ได้หรือไม่ จากที่บริษัทรถยนต์ได้เสนอให้ลดหย่อนลงเหลือเพียง 60 % จากปกติที่จัดเก็บ 80 %
ทั้งนี้ แม้จะลดหย่อนอากรขาเข้ารถยนต์อี 85 ลงมาแล้วก็ตาม แต่ราคารถยนต์อี 85 จะยังสูงกว่ารถยนต์อี 20
เพียงเล็กน้อย แต่จุดนี้ไม่ใช่เป็นอุปสรรค เนื่องจากราคาน้ำมันอี 85 ที่มีส่วนต่างจากน้ำมันเบนซิน ออกเทน 85 ถึง
กว่า 20 บาทต่อลิตร จะจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์อี 85 ได้ เนื่องจากส่วนต่างของราคาน้ำมันอี 85 ที่ถูกกว่าจะ
ทำให้เกิดความคุ้มทุนกับราคารถยนต์ที่มีราคาแพงกว่าอี 20 ได้
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า เวลานี้การส่งเสริมการใช้อี 85 รายละเอียดการส่งเสริมทุกอย่างใกล้จะสมบูรณ์เกือบ
ทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะมีการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) พิจารณาในเร็วๆนี้ ซึ่งเหลือเพียงการพิจารณา
การลดหย่อนอากรขาเข้ารถยนต์อี 85 เท่านั้น หากกระทรวงการคลังไม่สามารถพิจารณาให้กับค่ายรถยนต์ได้ คาดว่า บริษัทรถ
ยนต์คงจะไม่นำเข้ารถยนต์อี 85 เข้ามา ซึ่งหมายความว่านโยบายที่รัฐบาลส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันอี 85 จะไม่เกิด
ขึ้นในช่วงปีนี้ แม้ขั้นตอนการปฏิบัติจะเตรียมไว้พร้อมแล้วก็ตาม
Friday, July 11, 2008
'มาดามติ้ง'ดันสุดตัวอี85เกิด ถ่างราคาถูกกว่าเบนซิน17บ.
Tuesday, July 8, 2008
E 85 ต้องถูกกว่า 13-14 บาท
ใน อีกเวทีหนึ่งของการสัมมนา "E 85 อนาคตพลังงานชาติ ทางเลือก ทางรอดของไทย" จัดโดยชมรมพลังงานไทยทำ ไทยใช้ เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการกล่าวถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ของการส่งเสริมให้มีน้ำมันแก๊สโซ ฮอล์ E 85 ทั้งในเรื่องของวัตถุดิบ คือ เอทานอล อุตสาหกรรมรถยนต์ ไปจนถึงกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ในมุมมองของ
นายธิบดี หาญประเสริฐ รองประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทน เอทานอล-ไบโอดีเซล แห่งประเทศไทย เชื่อว่า เป็นเรื่องที่ต้องเร่งส่งเสริมความพร้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์ ในด้านเทคโนโลยีนั้นมีอยู่แล้ว ไทยไม่ใช่ชาติแรกที่ทำในเรื่องนี้ แต่ช้าไปด้วยซ้ำ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายมีความพร้อม แต่วันนี้อาจจะมีความพร้อมที่ไม่เท่ากันเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่า
นอก จากนี้รัฐต้องชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริม เนื่องจากบางเรื่องที่ "อนุมัติ" ออกมาเป็นเพียงมติคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ใช่กฎหมายที่บังคับใช้ได้ ในระดับนโยบายจึงกลับไปกลับมา ควรกำหนดเป้าหมายของเรื่อง E 85 ให้ชัด เช่น สหรัฐ มีการวางเป้าหมายชัดเจนว่า จะมีการผลิตเอทานอลรวมในปี 2022 ประมาณ 350 ล้านลิตร/วัน ฉะนั้นหากภาครัฐจะเดินหน้าเรื่องนี้ควรกำหนดกรอบให้ชัดเจน
นาวา เอก ดร.สมัย ใจอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวว่า การส่งเสริมใช้เอทานอลมีการส่งเสริมในประเทศมากว่า 10 ปี แต่วันนี้ภาพรวมการใช้ยังน้อยเพราะขาดเรื่องกฎหมายที่จะออกมาบังคับใช้ เชื่อว่าหากมีการส่งเสริมการใช้ E 85 ราคาน้ำตาลจะถูกลงด้วยซ้ำ ส่วนกรณีที่พืชพลังงานจะไปแย่งพืชเพื่อการบริโภคนั้นเชื่อว่า "ไม่เป็นความจริง"
ภายหลังจากการส่งเสริมผลิตเอทานอล ราคามันสำปะหลังขยับขึ้นไปร้อยละ 60 ราคาปาล์มช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ราคาขึ้นไปร้อยละ 58 การส่งเสริมพืชพลังงานถือเป็นการช่วยเกษตรกร และที่สำคัญวันนี้ไทยนำเข้าพลังงานกว่าร้อยละ 80 ในขณะที่ต้นแบบเอทานอลอย่างบราซิลที่มีการใช้ E 100 ไม่ต้องนำเข้าและไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันมากนัก หากเราส่งเสริม เอทานอลแล้ว เมื่อเกษตรกรไทยเจริญแล้ว สังคมไทยจะดีขึ้นตามมา
ด้าน นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมผูผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า หากส่งเสริมให้มีการใช้ E 85 ภายในปีนี้นั้น จะมีกำลังผลิตเอทานอลทั้งโรงเก่าและโรงงานใหม่ที่จะเปิดดำเนินการผลิตภายใน ปีนี้รวม 49 โรงงาน กำลังผลิตเอทานอลทั้งหมดถือว่ารองรับได้ เพราะวันนี้มีการผลิตจาก 11 โรง รวมกำลังผลิต 1.575 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่มีความต้องการใช้จริงเพียงร้อยละ 50 หรือที่ 700,000-800,000 ลิตร/วันเท่านั้น
ปัจจุบันมีรถที่ใช้น้ำมันปกติอยู่ที่ 20 ล้านลิตร/วัน แบ่งเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 10/ E 20 ประมาณ 800,000 ลิตร/วัน และหากมีการใช้ E 85 คาดจะมีการใช้อยู่ที่ 10.2 ล้านลิตร/วัน หากทุกโรงงานเอทานอลที่ได้รับอนุมัติไปแล้วรวม 49 โรงงาน เริ่มผลิตจะมีปริมาณเอทานอลรวม 12.385 ล้านลิตร/วัน รองรับ E 85 ได้ไม่มีปัญหา สำหรับราคา E 85 ควรมีราคาต่างจากน้ำมันเบนซินปกติ "ไม่ต่ำกว่า" 13-14 บาท/ลิตร
นายมานะ ฤทธิชัยสมาจาร นายกสมาคมชาวไร่อ้อยสี่แคว นครสวรรรค์ และประธานสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อย
สี่ แคว กล่าวว่า การส่งเสริม E 85 ถือว่าภาครัฐมาถูกทาง เพราะทุกวันนี้มีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในประเทศจะถึงระดับ 50 บาท/ลิตรได้ไม่ยาก ฉะนั้นจึงต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ศักยภาพวันนี้สามารถผลิตพืชพลังงานได้สูง วันนี้ประเทศสามารถผลิตน้ำตาลได้ 7.8 ล้านตัน แบ่งเป็น เพื่อการบริโภค 2 ล้านตัน ฉะนั้นเหลืออีกประมาณ 5 ล้านตัน ที่สามารถมาใช้เพื่อผลิตพลังงาน
ด้าน ดร.วิจิตร ศรียรรยงวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันพืชพลังงานทดแทนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบาย E 85 ถือเป็นทางเลือก เรามีทั้งวัตถุดิบและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่จะรองรับ ภายใต้ราคาน้ำมันสูงขณะนี้เราต้องพึ่งพาตัวเอง แต่ทั้งนี้ต้องมองถึงผลกระทบที่จะส่งไปยังโรงกลั่นน้ำมันด้วย ปริมาณน้ำมันเบนซินที่ 17 ล้านลิตร/วัน จะทำอย่างไร ซึ่งกระทรวงพลังงานต้องเข้ามาดูแลด้วย
ส.ส.มะกันติดดาบฟันนักเก็งกำไรน้ำมัน หลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กองทุนบำเหน็จบำนาญ และนักเก็งกำไร เป็นสาเหตุที่ดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูง
บลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กเริ่มปรับลดลงจากระดับสูงสุดครั้งใหม่ 140.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐลงคะแนนสนับสนุนร่างกฎหมายที่ระบุให้คณะ กรรมาธิการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) สามารถใช้อำนาจจำกัดบทบาทในการเก็งกำไรในตลาดสัญญาล่วงหน้าพลังงานได้
โดยส.ส.มะกันผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 402 ต่อ 19 และร่างกฎหมายจะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป
มาร์ก เพอร์แวน" นักกลยุทธ์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มองว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ราคาปรับลดลง โดยการจำกัดการเก็งกำไรอาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับลดลง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันงวดส่งมอบเดือนสิงหาคมร่วงลง 1.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 138.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การ ดำเนินการดังกล่าวของ ส.ส. เกิดขึ้นหลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กองทุนบำเหน็จบำนาญ และนักเก็งกำไร เป็นสาเหตุที่ดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูง
แก๊สโซฮอล์ อี 85 อนาคตพลังงานชาติ ทางเลือก ทางรอดของไทย
รายงาน
ใน ช่วงที่วิกฤตน้ำมันกำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนต่างพยายาม หาทางออกกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และล่าสุดรัฐบาลได้มีมติในการส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานแก๊สโซฮอล์ อี 85 ในเมืองไทย
ทางชมรมพลังงานไทยทำ ไทยใช้ (The Coalition for Energy Sustainability and Security for Thailand-ESST) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ จากภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ที่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนที่สามารถผลิตหมุนเวียนได้ในประเทศ ได้จัดงานเสวนาในหัวข้อ "อี 85 อนาคตพลังงานชาติ ทางเลือก ทางรอดของไทย" เพื่อหาบทสรุปของอี 85 ว่า จะเป็นทางรอดจริงๆ หรือไม่ มีปัญหาในด้านใดบ้าง ผลิตเอทานอลได้เพียงพอหรือเปล่า ผลประโยชน์ลงไปที่เกษตรกรจริงๆ หรือไม่ อย่างไร
อี 85 ราคาไม่ควรเกิน 15 บาท
นายธิบดี หาญประเสริฐ ประธานชมรมพลังงานไทยทำ ไทยใช้ และรองประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทน เอทานอล-ไบโอดีเซล แห่ง
ประเทศ ไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีสิ่งที่หลายคนยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับแก๊สโซฮอล์ว่า อี 10 มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าเบนซินธรรมดาอยู่ที่ 2-3% ทั้งนี้ขึ้นกับขนาด เครื่องยนต์รถและพฤติกรรมการขับรถ ซึ่งอี 20 มีอัตราสิ้นเปลืองมากกว่าอยู่ที่ 6% ส่วนอี 85 อยู่ที่ 26% ซึ่งทุกที่ในโลกยอม รับว่าแก๊สโซฮอล์ให้อัตราการสิ้นเปลือง มากกว่าจริง แต่สิ่งที่คนไม่พูดถึงคือประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง แก๊สโซฮอล์ให้กำลังและแรงบิดที่มากกว่าเบนซินธรรมดา 3%
ในเรื่อง ของสิ่งแวดล้อมและคุณสมบัติทางเคมี เมื่อผสมเอทานอลเข้าไป แรงดันการระเหยมีจริง แต่เมื่อผสมเข้าไปมากขึ้นสิ่งนี้จะต่ำลง และช่วยลดสัดส่วนของ อิมมิชั่นมากขึ้น
หากจะจัดโครงสร้างราคาให้ เหมาะสม สำหรับแก๊สโซฮอล์ อี 10, อี 20 และ อี 85 ควรอยู่ที่ 4 บาท 6 บาท และ 15 บาทตามลำดับ (เทียบจากราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 40 บาทต่อลิตร)
ใน ส่วนของรถจักรยานยนต์นั้น สามารถใช้ อี 10 ได้แน่นอน เพราะส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะหมดแล้ว ส่วนแก๊ส โซฮอล์ประเภทอื่นๆ ทั้ง อี 20, อี 85 หรือแม้กระทั่ง อี 100 สามารถใช้ได้โดยการปรับตั้งเครื่องยนต์ และหากใช้ อี 85 ในจักรยานยนต์ จะช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมได้มาก เพราะควันขาวของจักรยานยนต์มีอันตรายยิ่งกว่าควันดำของรถบรรทุกอีก
ใน ส่วนของค่ายรถยนต์นั้น เรื่องเทคโนโลยีเอทานอล หรืออี 85 บริษัทรถยนต์หลายรายต่างรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร เพราะขณะนี้มีที่บราซิล และหลายประเทศก็เริ่มไปแล้ว
สำหรับเมือง ไทยเราเน้นส่งเสริมเรื่องการประกอบรถยนต์ในประเทศ จึงต้องดูเรื่องความพร้อมเรื่องชิ้นส่วนยานยนต์ในการผลิต ซึ่งแต่ละบริษัทใช้เวลาสั้นยาวต่างกัน ในช่วงเริ่มแรกคงต้องนำเข้าก่อน ซึ่งรัฐคงต้องดูเรื่องความสมดุลตรงนี้ให้ดี เพราะถ้าไปถามบริษัทรถยนต์จะได้คำตอบที่ไม่เหมือนกันทุกที่ สำคัญที่สุดคือ นโยบายรัฐต้องชัดเจนก่อน
ส่วนกรณีของบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น ในฐานะที่ได้คลุกคลีกับบริษัทเหล่านี้มาตลอด ยืนยันได้เลยว่าเอาด้วยแน่ แต่ต้องขอเวลาหน่อย ดังนั้นในเมื่อแต่ละค่ายพร้อมไม่เท่ากัน รัฐต้องกำหนดกติกาที่เป็นธรรมกับ ทุกคน ในส่วนของวัสดุเราพร้อมอยู่แล้ว อย่างน้อย 6 เดือน หรือปีหนึ่งถึงจะเกิดได้
"โดยส่วนตัวเชื่อว่า ต้องสร้างที่ดีมานด์ก่อน หากรัฐกำหนดเป็นกฎหมาย เกษตรกรก็จะกล้าปลูก กล้าทำกัน เมื่อทุกคนลงไปเล่น การวิจัยพัฒนา การส่งเสริมก็จะเพิ่มมากขึ้น อ้อยอาจไม่ต้องเพิ่มพื้นที่ แต่เพิ่มผลผลิตได้ ซึ่งถ้าจะเพิ่มผลผลิต ก็ต้องทำให้ดีมานด์มีพอกัน ไม่งั้นก็เหลือ"
ในเรื่องของอีโคคา ร์กับอี 85 นั้น แรกเริ่มอีโคคาร์กำหนดสเป็กไว้ที่ 20 ก.ม./ลิตร แต่อี 85 สิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 25-30% จึงเป็นได้ยากที่จะทำตัวเลขเท่านั้นได้ ถ้ามองในแง่การตลาดของบริษัทรถยนต์ในเชิงลึก แม้จะได้รับการอนุมัติโครงการไปแล้ว แต่ถ้าบริษัทจะปรับมาใช้อี 85 ก็สามารถทำได้ เพราะน้ำมันราคาถูกกว่า สรุปว่าถ้าปรับมาใช้ได้ก็ยิ่งดี
เสนอแยกกฎหมายเอทานอลโดยเฉพาะ
นาย สิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคม ผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า ข้อสงสัยในเรื่องที่ว่า เราจะมีเอทานอลเพียงพอต่อการผลิตอี 85 หรือเปล่า ในส่วนของผู้ผลิต เอทานอลแล้ว ถ้ามีการผลิตครบทุกโรงงาน จาก 49 โรงงาน ต้องบอกว่าพอและเหลือด้วย
ทั้งนี้ในสภาพความเป็นจริงแล้ว โรงกลั่น ผู้ผลิตรถ ผู้ใช้รถ ต้องไปพร้อมๆ กัน ปัจจุบันนี้ 11 โรงงานผลิตได้ 1.575 ล้านลิตรต่อวัน ทั้งที่ความต้องการในประเทศยังแค่ 7 ลิตรต่อวันเท่านั้นเอง ดังนั้นเราจึงต้องส่งขายทางอื่นด้วย
"ต้องบอก ว่า การเลือกส่งเสริมอี 85 นั้นมาถูกทางแล้ว แต่ปัญหาคือ กฎหมายยังกำหนดให้เอทานอล ต้องขายให้โรงกลั่นน้ำมันอยู่ ดังนั้นถ้าเราต้องเปิดเสรีการขาย ภาพการผสมน้ำมันกับเอทานอลต้องเปลี่ยน เราอาจจะตั้งโรงงานผสมที่หัวเมือง ให้ใกล้โรงเอทานอล หรือเปิดให้ผู้ค้าเอทานอลสามารถเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้ ไม่อย่างนั้นการขนส่งเอทานอล 85% ไปให้ผู้ผลิตน้ำมัน ค่าขนส่งต้องเพิ่มขึ้น"
หากราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 40 บาทต่อลิตร ถ้าตั้งราคาอี 85 ที่ 25 บาท การจะทำให้อี 85 ไปรอด น่าจะอยู่ที่โครงสร้างราคาเอทานอล โครงสร้างราคาที่ว่าหมาย รวมถึงสัดส่วนของราคาของแต่ละภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ผลิตเอทานอล ผู้ผลิตน้ำมัน ผู้ขายน้ำมัน โครงสร้างราคาต้องได้รับการกำหนดอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนการจัดเก็บภาษี 2.575 บาทต่อลิตร สำหรับเอทานอล นั้น ในเมื่อรัฐบาลบอกว่าภาษีของเอทานอลที่ใช้เชื้อเพลิงไม่เก็บก็ควรลดลงมาอยู่ ที่ 0.55 บาท
ทั้งนี้ หากจะจริงจังกับอี 85 รัฐต้องดูแลพื้นที่การปลูกพืชไร่ให้ดี จัดการให้ทุกสิ่งทุกอย่างลงตัว รวมทั้งเรื่องกฎหมายจัดการ เอทานอลยังไม่มีชัดเจน เพราะเอทานอล ยังถือว่าอยู่ในหมวดสุรา จึงมีกรมสรรพสามิตดูแล เป็นไปได้ควรมีกฎหมายเกี่ยวกับเอทานอลโดยเฉพาะ
ชี้เอทานอลช่วยเกษตรกรไทยฟื้น
นาย มานะ ฤทธิชัยสมาจาร นายกสมาคมชาวไร่อ้อยสี่แคว นครสวรรค์ และประธานสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อย สี่แคว ในฐานะตัวแทนผู้ผลิตอ้อย คิดว่า อี 85 เป็นทางรอดแน่นอน ในส่วนของ ภาคเกษตรกร ผลที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตร คือเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาวิกฤต ของประเทศ เป็นการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสใน 2 ด้าน ทั้งทางด้านพลังงานและเกษตร
" อ้อยเป็นพืชพลังงานตัวจริง ไม่มีผลกระทบต่อเรื่องอาหารแน่นอน เราผลิตน้ำตาลในไทย 7.8 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 2 ล้านตัน ที่เหลือส่งออก เป็นอันดับที่ 3 ของโลก แต่ตัวเกษตรกรจน และมีหนี้อยู่ 24,000 ล้านบาท แต่อี 85 จะเป็นโอกาสที่ดีของเรา เป็นการบริหารอุปทานส่วนเกินที่มีอยู่ ถ้าเราผลิตเอทานอลได้ตรง ผลิตน้ำมันได้ตรง ก็ไม่ต้องขนส่งไปขนส่งมา เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ ของการแก้ไขเรื่องพลังงาน แก้ไขปัญหาความยากจน เรื่องพืชผลทางการเกษตรด้วย"
ทั้งนี้ รัฐบาลควรนำบทเรียนในบราซิล มาศึกษาดู ไม่ควรมองมิติเดียวว่าทำ อย่างไรให้พลังงานราคาต่ำลง รัฐต้องมองด้วยว่า ภาคอื่นจะอยู่ได้ไหม ต้องดูท่อน้ำ ตั้งแต่ต้นจนถึงปลาย ประชาชน ผู้ผลิตเอทานอล ราคาต้นทุนวัตถุดิบเป็นอย่างไร สำหรับบราซิลส่งเสริมอุตสาหกรรมเอทานอลให้เกิดก่อน แต่ผมมองว่า ให้ประชาชนอยู่บน ฐานสามเหลี่ยมด้านซ้ายเป็นผู้ผลิตเอทานอล ฐานขวาเป็นเกษตรกรผู้ผลิตอ้อย อยากให้รัฐบริหารสามเหลี่ยมด้านเท่านี้ให้สมดุล น่าไปรอดแน่นอน
ระบุอนาคตปั๊มต้องขายเชื้อเพลิงเฉพาะ
นาย มนูญ ศิริวรรณ อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากมีอี 85 เข้ามา ประเด็นเรื่องเครื่องยนต์ยังไม่เป็นปัญหามากนัก สถานีบริการน่าจะเป็นข้อจำกัด มากกว่า เพราะปั๊มต้องเปลี่ยนถังใหม่เลย แต่ในอนาคตแต่ละปั๊มจะจำหน่ายครบทุกผลิตภัณฑ์ไม่ได้ จึงต้องให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในย่านนั้น และแปรผันตามลักษณะของลูกค้าในภูมิภาค ไม่จำเป็นต้องลงทุนเปลี่ยนถังถ้าไม่จำหน่าย อี 85 ทั้งนี้ขึ้นกับการขยายตัวของอี 85 ด้วยว่าไปได้เร็วแค่ไหน ซึ่งคิดว่าคงไม่เร็วนักเหมือนอี 20 ตอนนี้ที่ค่อยๆ ขยายไป
อีกทาง เลือกหนึ่ง คือการผสมเอทานอล 5% แล้วบังคับเป็นกฎหมายให้เป็นเบนซินหลักเหมือนดีเซล B5 ก็อาจจะช่วยได้ เรื่อง อี 100 ในมุมของยานยนต์น่าที่จะพัฒนามาเป็นอี 85 เพราะห่วงเรื่องการสตาร์ต เนื่อง จากต้องอาศัยเชื้อเบนซินอยู่หน่อย ถ้าจะใช้ อี 100 ก็ทำได้ แต่ต้องมีรายละเอียด และอาจจะมีค่ายรถยนต์บางค่ายที่ยังไม่พร้อม แต่อี 85 จะค่อนข้างพร้อมทุกบริษัท
ทั้งนี้ การเริ่มทำอี 85 ทุกคนมีจุดที่เจ็บตัวเหมือนกันทั้งนั้น โรงกลั่นต้องกลั่นน้อยลง แต่ในแง่เทรดเดอร์ก็ต้องใช้เงินซื้อ เอทานอลน้อยลง เพราะถูกกว่าน้ำมันดิบ แต่เรื่องการผลิตก็ต้องดูกันไป
สรุปคืออี 85 อาจจะเป็นทางเลือกไปก่อนในช่วงแรกๆ แต่ถ้าราคาน้ำมันขึ้นไปเรื่อยๆ อี 85 คงเป็นทางรอดของพวกเรา ทุกคน
SCANIA รถบรรทุกใช้พลังงานจากเอทานอลคันแรกในยุโรป
รถบรรทุกพลังงานสะอาด-รถ บรรทุกใช้พลังงานจากเอทานอลคันแรกในยุโรป เริ่มออกวิ่งครั้งแรกบนถนนเมื่อ 2 ก.ค. ในเมืองดาสเบิร์ก ประเทศเนเธอร์แลนด์ รถบรรทุกคันนี้ใช้พลังงานเชื้อเพลิงเอทานอล มีคุณสมบัติปล่อยก๊าซพิษต่ำ และไม่ก่อมลพิษในสิ่งแวดล้อม
อุตสาหกรรม จับมือพลังงาน กดดันคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 ลงมาอีก จาก 2.5795 บาท/ลิตร ให้เหลือ 0.55
กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือกระทรวงพลังงาน กดดันกระทรวงการคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 ลงมาอีก จาก 2.5795 บาท/ลิตร ให้เหลือ 0.55 บาท/ลิตร อ้างเพื่อจูงใจให้ค่ายรถ-ผู้บริโภค หันมาใช้รถ E 85 กันมากขึ้น ด้าน "สุวิทย์ คุณกิตติ" บอกกรมสรรพสามิตต้องยอมเฉือนรายได้รัฐออกไปบ้าง หาไม่แล้ว E 85 ก็ไม่เกิด
หลังจากที่ ครม.ได้มีมติให้ความเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำมันเบนซินที่ มีส่วนผสมของเอทานอลร้อยละ 85 หรือ E 85 ในวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ด้วยการ 1)ยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ E 85 ที่มีลักษณะเฉพาะเป็นอุปกรณ์หลักและไม่มีการผลิตในประเทศเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 3 ปี 2)ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ E 85 ลงเหลือร้อยละ 25, 30 และ 35 ตามขนาดเครื่องยนต์ คือ ไม่เกิน 2000 ซีซี มากกว่า 2000-2500 ซีซี และมากกว่า 2500-3000 ซีซี ตามลำดับ ซึ่งเท่ากับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ E 20 ในปัจจุบัน
และ 3)ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 ลงเหลือ 2.5795 บาท/ลิตร จากที่จัดเก็บอยู่ 3.6850 บาท/ลิตร หรือลดลง 1.1055 บาท/ลิตร โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทผู้ค้าน้ำมันมองว่า มาตรการภาษีของกระทรวงการคลังข้างต้นยังไม่จูงใจทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้ในการ ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ E 85 และขอให้กระทรวงการคลังให้การสนับสนุนและปรับลดอัตราภาษีลงมาอีก
ล่าสุด ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการหารือระหว่างกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 ว่า การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงเหลือ 2.5795 บาท/ลิตรนั้น ยังไม่เกิดแรงจูงใจพอ ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงพลังงานจึงเสนอให้กระทรวงการคลังลดอัตราภาษี สรรพสามิตน้ำมัน E 85 ลงมาให้เหลือเพียง 0.55 บาท/ลิตร
"การปรับปรุงโครงสร้างของอัตราภาษีน้ำมันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ในแง่มุมของกระทรวงการคลังในฐานะที่ทำหน้าที่จัดเก็บรายได้ให้รัฐบาล เห็นว่าหากมีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงไปมากๆ เพื่อจูงใจให้คนหันไปใช้น้ำมัน E 85 ในอนาคตรัฐบาลจะจัดเก็บงบประมาณได้น้อยลง นอกจากนี้ยังต้องมองในเรื่องของความสิ้นเปลืองและค่าความร้อนด้วย เท่าที่ทราบรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E 85 จะมีอัตราการบริโภคพลังงานมากกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินทั่วไป ดังนั้นการกำหนดอัตราภาษีที่อัตราลิตรละ 2.5795 บาทจึงคำนวณมาจากค่าประสิทธิภาพความร้อนที่ 70% ของอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ลิตรละ 3.685 บาท" ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ข้อเสนอให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 ที่ราคาลิตรละ 0.55 บาท ของกระทรวงพลังงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น เป็นการเรียกเก็บเฉพาะ "เนื้อเบนซิน" ร้อยละ 15 ในขณะที่เอทานอล ร้อยละ 85 ได้รับการ "ยกเว้น" ภาษีอยู่แล้ว แต่ในมุมมองของกรมสรรพสามิตเห็นว่า ทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมัน E 85 ก็คือ "สินค้าสำเร็จรูปประเภทหนึ่ง ไม่ได้คิดแยกส่วน"
และถ้าพิจารณาในแง่การสิ้นเปลืองพลังงานแล้ว รถที่ใช้ E 85 จะบริโภคน้ำมัน "มากกว่า" 30% ยกตัวอย่างเช่น รถที่ใช้น้ำมันเบนซินทั่วไปมีอัตราการสิ้นเปลืองที่ 10 KM/ลิตร แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้ E 85 จะมีอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 7 KM/ลิตร เพราะฉะนั้นการกำหนดอัตราภาษีที่ลิตรละ 2.5795 บาท จึงคำนวณมาจากอัตราการบริโภคที่ 70%
ขณะที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวยืนยันกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า รัฐบาลควรจะส่งเสริมการใช้น้ำมัน E 85 ด้วยการจัดโครงการสร้างภาษีน้ำมันให้เหมือนกับน้ำมัน E 10 และ E 20 กล่าวคือ ต้องลดภาษีในส่วนที่เอทานอลผสมอยู่ ยกตัวอย่าง ถ้าน้ำมัน E 10 มีเอทานอลผสมอยู่ในเนื้อน้ำมันเบนซิน 10% ก็ได้ลดภาษี 10% หรือ E 20 มีเอทานอลผสมอยู่ในเนื้อน้ำมันเบนซิน 20% ก็ได้ลดภาษี 20% ในกรณีเดียวกัน ถ้าน้ำมัน E 85 มีเอทานอลผสมอยู่ในเนื้อน้ำมันเบนซิน 85% ก็ควรจะได้รับการยกเว้นภาษี 85% เช่นเดียวกัน
ในกรณีของการลดภาษีน้ำมัน E 85 แม้จะทำให้กระทรวงการคลังเหลืออัตราภาษีที่เก็บอยู่ 15% ก็ไม่ควรมองว่าจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้เพียงอย่างเดียว ต้องมองถึงผลประโยชน์ด้านอื่นที่เกิดขึ้นด้วย เช่น ทำให้ประเทศไทยสามารถลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศได้ ลดการสูญเสียเงินออกนอกประเทศและเงินที่อยู่ภายในประเทศก็เป็นส่วนที่จะลงไป ช่วยสนับสนุนเกษตรกร เศรษฐกิจรากหญ้า ให้มีความเข้มแข็ง เงินหมุนเข้ามาสู่ในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
"การจัดโครงสร้างภาษีข้างต้นถือว่ามีความเป็นธรรมและเป็นการผลักดันให้ น้ำมัน E 85 เกิดขึ้นได้ แม้รัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีไปบ้าง แต่ผลประโยชน์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นก็สามารถจะชดเชยกันได้ และบางทีอาจจะมากกว่ารายได้ที่สูญเสียด้วยซ้ำ" นายสุวิทย์กล่าว
นอกเหนือจากปัญหาเรื่องโครงสร้างภาษีแล้ว ในส่วนของน้ำมัน E 85 ยังมีปัญหาอื่นๆ ด้วย เช่น ค่าขนส่งเอทานอลที่จะส่งมาให้กับบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้ โรงงานผลิตเอทานอลสามารถซื้อน้ำมันเบนซินมาผสมกับเอทานอลกลายเป็นน้ำมัน E 85 จะสามารถประหยัดต้นทุนได้ หรือข้อกำหนดที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายเอทานอลภายในประเทศ หรือการส่งออกเอทานอลที่จะต้องมีการขออนุญาตทุกลอต ในอนาคตจะต้องมีการปรับปรุงให้มีความสะดวกมากขึ้น
มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า กระทรวงการคลังจะนัดกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม มาหารือถึงข้อเสนอการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการขยายรายการชิ้นส่วน/อุปกรณ์รถยนต์ E 85 ที่จะได้รับการ "ยกเว้น" ภาษีขาเข้าด้วย
Blog Archive
-
▼
2008
(41)
-
▼
July
(8)
- แป้งมันล้นสต๊อกราคาดิ่ง ชาวไร่วัดดวงตลาดมันเม็ด
- รัฐให้อี85ถูกกว่าเบนซินลิตรละ20บ. + แต่จะเกิดหรือด...
- 'มาดามติ้ง'ดันสุดตัวอี85เกิด ถ่างราคาถูกกว่าเบนซิน...
- E 85 ต้องถูกกว่า 13-14 บาท
- ส.ส.มะกันติดดาบฟันนักเก็งกำไรน้ำมัน หลังจากมีการตั...
- แก๊สโซฮอล์ อี 85 อนาคตพลังงานชาติ ทางเลือก ทางรอดข...
- SCANIA รถบรรทุกใช้พลังงานจากเอทานอลคันแรกในยุโรป
- อุตสาหกรรม จับมือพลังงาน กดดันคลังลดภาษีสรรพสามิตน...
-
▼
July
(8)