Friday, July 11, 2008

'มาดามติ้ง'ดันสุดตัวอี85เกิด ถ่างราคาถูกกว่าเบนซิน17บ.

'มาดามติ้ง'ดันสุดตัวอี85เกิด ถ่างราคาถูกกว่าเบนซิน17บ.

ก.พลังงานกลัวหน้าแตก เร่งหามาตรการจูงใจเพิ่มให้ค่ายรถยนต์นำเข้าอี85 หลังรัฐบาลไม่สนข้อเรียกร้องยกเว้นอากรขาเข้า โดยจะดันราคาอี85 ให้ถูกกว่าเบนซิน17 บาทต่อลิตร ขณะที่ปตท.และมิตรผล พร้อมนำรถยนต์วอลโว่ อี85 มาทดสอบสร้างความเชื่อมั่นแล้ว ด้านเอกชนหนุนให้ออกมาตรการอี85 เป็นกฎหมายหวั่นนโยบายเปลี่ยน

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี85 ว่า จากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำมันอี85 ไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่จูงใจของบริษัทรถยนต์ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ยุโรปที่เห็นว่ารัฐบาลควรจะยกเว้นภาษีอากรขาเข้าหรือลด หย่อนอากรขาเข้าสำหรับรถยนต์อี85 ที่จะนำเข้ามา เพื่อให้เกิดตลาดในประเทศมากขึ้น

โดยในส่วนนี้กระทรวงพลังงานจะขอไม่พิจารณา เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงการคลัง แต่จะไปดูว่าอะไรที่กระทรวงพลังงานทำได้ตามกรอบที่มติครม.ออกมา ก็จะไปดำเนินการ เพื่อให้เกิดการนำเข้ารถยนต์อี85 ในช่วงแรก

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลจะยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์อี85 คงจะเป็นเรื่องลำบาก เพราะจะเป็นการเสียหน้า แต่กระทรวงพลังงานจะหามาตรการอย่างอื่นมาดำเนินการเพื่อให้เกิดการจูงใจที่ จะมีการนำเข้ารถยนต์อี85 มาจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ(สนพ.) อยู่ระหว่างการจัดทำโครงสร้างราคาน้ำมันอี85 อยู่ ซึ่งราคาที่ออกมาจะต้องจูงใจพอ เมื่อเทียบกับราคารถยนต์ที่แพงกว่ารถยนต์อี20 โดยจะมีการคำนวณอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันอี85 ที่ 25 % เข้าไปในโครงสร้างราคาด้วย

อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีการลดภาษีสรรพสามิตจากที่ครม.มีมติออกมา 2.5795 บาทต่อลิตรลงอีก เนื่องจากสัดส่วนของเอทานอลที่นำมาผลิตมีอยู่ถึง 85 % เมื่อเทียบกับการจัดเก็บภาษีน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 3.6850 บาทต่อลิตร หากพิจารณาตามสัดส่วนนี้จะทำให้เก็บภาษีลดลงเหลือเพียง 0.5528 บาทต่อลิตรเท่านั้น

ทั้งนี้ หากสามารถนำอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันอี85 ที่ 25 % และการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอี85 ลงอีกได้ และส่วนหนึ่งอาจจะนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยสนับสนุน คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันอี85 มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ประมาณ 17 บาทต่อลิตรเป็นอย่างต่ำ ซึ่งเชื่อว่าจะจูงใจผู้บริโภคให้หันมาซื้อรถยนต์อี85 และมีการนำเข้ารถยนต์อี85 ได้ แม้จะแพงกว่ารถยนต์อี20 ก็ตาม

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างเร่งจัดทำรายการของชิ้นส่วนรถยนต์อี85 ที่จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้บริษัทรถยนต์มีความมั่นใจมากขึ้นในการตั้งสายการผลิตรถยนต์อี85 ในประเทศ เพราะออกมาล่าช้า จะทำให้บริษัทรถยนต์วางแผนลำบาก เพราะค่ายรถยนต์ยุโรปวางแผนที่จะผลิตได้ภายในอีก 1 ปี และค่ายญี่ปุ่นใน 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี



นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(บมจ.) เปิดเผยถึงนโยบายการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี85 ว่า ในฐานะที่บมจ.ปตท.ซึ่งรับผิดชอบในการผลิตและจำหน่ายน้ำมันอี85 นั้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะซื้อรถยนต์อี85 เข้ามา ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2551 นี้ บมจ.ปตท.จะมีการนำเข้ารถยนต์อี 85 จากค่ายรถยนต์วอลโว่ประเภทเอฟเอฟอี รุ่นซี 30 ขนาดเครื่องยนต์ 1800 ซีซี ที่สามารถใช้น้ำมันตั้งแต่อี10 ขึ้นไป เข้ามาจำนวน 3 คัน ในราคาคันละประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท.ทำการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ ผลกระทบที่เกิดขึ้น และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันว่าจะเป็นอย่างไร ก่อนที่จะนำไปสู่การผลิตน้ำมันอี85 ว่าจะไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์แต่อย่างใด และเป็นทางออกของประชาชนในการเลือกซื้อรถยนต์ได้

ทั้งนี้ จะมีการทดสอบรถยนต์อี85 โดยจะใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ตั้งแต่อี10 อี20 ไปจนถึงอี85 ที่บมจ.ปตท.จะมีการผลิตออกมาเบื้องต้นใช้ทดสอบก่อน และหลังจากนั้นเมื่อกระทรวงพลังงานประกาศสเปกคุณภาพน้ำมันอี85 ออกมา และค่ายรถยนต์ยุโรปมีการนำเข้ารถยนต์อี85 มาจำหน่ายภายใน 3 เดือนข้างหน้า ทาง

บมจ.ปตท.ก็จะทำการทยอยเปิดสถานีบริการน้ำมันอี85 ที่เบื้องต้นวางไว้ 15 แห่งก่อนในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งในส่วนของการจำหน่ายน้ำมันอี85 นี้ บมจ.ปตท.จะต้องลงทุนแห่งละ 2.6 ล้านบาท เพื่อทำการติดตั้งถังใต้ดินและระบบท่อจ่ายน้ำมันใหม่ทั้งหมด

ด้านนายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มน้ำตาลมิตรผล ได้ติดต่อกับบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เพื่อรอการนำรถยนต์วอลโว่ รุ่น เอส 80 เกียร์ออโต้ ที่ใช้น้ำมันอี85 จำนวนหนึ่ง เข้ามาให้ระดับผู้บริหารใช้ประมาณปลายปีนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์

โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการนำคอนเวอร์ชันคิตไปติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้าซีวีค และรถยนต์โตโยต้า ร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อทดลองการใช้น้ำมันอี85 ในรถยนต์ดังกล่าว ซึ่งผลที่ออกมาพบว่าไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด ซึ่งช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้ส่วนหนึ่ง

ด้านนายประวิทย์ ประกฤตศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ

โทรกรีน จำกัด กลุ่มบริษัทมิตรผลฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอล กล่าวเสริมว่า ขณะนี้บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ นำรถยนต์วอลโว่ รุ่น C30 เครื่องยนต์อี85 มาทดลองใช้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา เพื่อดูความเป็นไปได้ในการนำรถยนต์อี85 มาใช้จริงในประเทศไทย โดยจะศึกษาเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน กำลังเครื่อง สภาพและความเหมาะสมของอุปกรณ์เชื้อเพลิงในรถยนต์ ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่า เครื่องยนต์มีสมรรถนะดี ไม่ได้มีอัตราสิ้นเปลืองกว่ารถที่เติมน้ำมันปกติมากดังที่หลายคนคาดการณ์ และยังไม่พบปัญหาใดๆในการทดลองใช้รถอี85 อย่างไรก็ตาม จะสรุปผลอีกครั้งเมื่อรถวิ่งครบ 100,000 กิโลเมตรตามที่ตั้งเป้าไว้

"การทดสอบน่าจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นปี 2551 โดยต้องการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน รวมทั้งสร้างความมั่นใจว่า การใช้น้ำมันอี85 จะไม่เกิดผลเสียต่อเครื่องยนต์ ไม่ทำให้เกิดปัญหาในระยะยาว ทั้งนี้ จะมีการนำรถมาใช้งานจริงในกลุ่มมิตรผล เช่น การใช้รับส่งผู้บริหาร และมีแผนขยายการทดลองไปยังรถยี่ห้ออื่นๆ ในตลาดด้วย ถ้าการศึกษาประสบความสำเร็จก็จะนำไปสู่การปรับเครื่องยนต์รถที่สามารถ เปลี่ยนมาใช้อี85 ได้ ซึ่งเชื่อว่าต้นทุนการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้อี85 นั้น ไม่น่าจะสูงกว่าการติดตั้งก๊าซแอลพีจี คือประมาณ 20,000 บาท แต่ก็ต้องรอผลการศึกษาก่อนว่าจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง" นายประวิทย์กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของภาคเอกชนในเรื่องนี้นั้น เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาชมรมพลังงานไทยทำ ไทยใช้ ได้จัดเสวนาในหัวข้อ" อี 85 อนาคตพลังงานชาติ ทางเลือก ทางรอดของไทย"โดยนายธิบดี หาญประเสริฐ ประธานชมรมพลังงานไทยทำ ไทยใช้ และรองประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทนเอทานอล-ไบโอดีเซลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการจัดเสวนาครั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลมีความชัดเจนก่อนว่าเอทานอลจะเดินหน้าไปอย่างไร อี85 จะมีกระบวนการอย่างไร และควรจะผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมาย เพราะแม้จะมีมติครม.ในการส่งเสริมออกมา แต่หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ อาจจะทำให้นโยบายนี้ถูกยกเลิกไป ทำให้ค่ายรถยนต์ที่มีความพร้อมและเตรียมตัวผลิตรถยนต์อี85 เกิดความสูญเสียทั้งเงินลงทุนและโอกาส ในขณะที่การจัดโครงสร้างราคาแก๊สโซฮอล์ อี 10 อี20 และอี85 ควรจะให้มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 อยู่ที่ 4 บาทต่อลิตร 6 บาทต่อลิตร และ15 บาทต่อลิตรตามลำดับ

ด้านน.อ. ดร.สมัย ใจอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ยังขาดในบ้านเราคือเรื่องกฎหมาย กรณี อี85 ตอนนี้เหมือนมือหนึ่งไปทางหนึ่ง อีกมือไปอีกทาง เหมือนคนกำหนดนโยบายยังไม่รู้และเข้าใจจริงๆ

ขณะที่นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า การเลือกส่งเสริม อี85 นั้นมาถูกทางแล้ว แต่ปัญหาคือ กฎหมายยังกำหนดให้เอทานอล ต้องขายให้โรงกลั่นน้ำมันอยู่ ดังนั้นเราต้องเปิดเสรีการขาย ภาพการผสมน้ำมันกับเอทานอลต้องเปลี่ยน เราอาจจะตั้งโรงงานผสมที่หัวเมือง ให้ใกล้โรงเอทานอล หรือเปิดให้ผู้ค้าเอทานอลสามารถเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้ ไม่อย่างนั้นการขนส่งเอทานอล 85% ไปให้ผู้ผลิตน้ำมัน ค่าขนส่งต้องเพิ่มขึ้น

No comments: